วิธีสอบเทียบ (Calibrate) เครื่องวัดอุณหภูมิ ให้แม่นยำตลอดเวลา

0

เครื่องวัดอุณหภูมิ ไม่ว่าจะเป็นแบบอินฟราเรด (ไม่สัมผัส) หรือแบบสัมผัสโดยตรง เช่น เทอร์โมคัปเปิล (Thermocouple) หรือ RTD ล้วนต้องการการสอบเทียบ (Calibration) เพื่อให้ค่าที่แสดงผลยังคงแม่นยำและเชื่อถือได้ เพราะแม้ว่าผู้ใช้อาจมองว่าเครื่องวัดอุณหภูมิยังสามารถแสดงค่าอุณหภูมิได้ตามปกติ แต่หากไม่ผ่านการสอบเทียบตามรอบที่เหมาะสมแล้ว ผลลัพธ์ที่เครื่องวัดอุณหภูมิวัดได้ก็อาจไม่ใช่ค่าที่ถูกต้อง ส่งผลให้การตัดสินใจที่อ้างอิงจากค่าเหล่านั้นผิดพลาดได้โดยที่คุณไม่รู้ตัว

การใช้เครื่องวัดอุณหภูมิในงานอุตสาหกรรม เช่น สายการผลิตยา อาหารแช่แข็ง หรือชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่ไวต่ออุณหภูมิ ต่างต้องการค่าที่มีความแม่นยำสูงอย่างสม่ำเสมอ เพราะหากเครื่องวัดอุณหภูมิคลาดเคลื่อนแม้เพียงไม่กี่องศา อาจทำให้ผลิตภัณฑ์ไม่ผ่านมาตรฐาน หรือเกิดปัญหาในระยะยาว เช่น อายุการเก็บรักษาสั้นลง หรือเกิดข้อร้องเรียนจากผู้บริโภค ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้สูญเสียความน่าเชื่อถือขององค์กร แต่ยังส่งผลต่อความปลอดภัย และกฎหมายกำกับดูแลอีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น ในระบบที่มีการควบคุมอัตโนมัติ เช่น ระบบปรับอากาศ HVAC หรือระบบควบคุมห้องปลอดเชื้อ หากเครื่องวัดอุณหภูมิไม่แม่นยำ ก็อาจส่งผลให้ระบบทำงานผิดพลาด เช่น เปิดระบบทำความร้อนเมื่อไม่จำเป็น หรือปิดระบบทำความเย็นก่อนเวลา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ส่งผลต่อทั้งต้นทุนพลังงาน และคุณภาพของสภาพแวดล้อมภายในพื้นที่นั้น ๆ

ทำไมต้องสอบเทียบเครื่องวัดอุณหภูมิ?

การใช้งานเครื่องวัดอุณหภูมิในระยะยาวโดยไม่มีการสอบเทียบ อาจทำให้ค่าที่แสดงคลาดเคลื่อนจากค่าจริงโดยไม่รู้ตัว ความคลาดเคลื่อนดังกล่าวอาจเกิดจากการเสื่อมสภาพของเซ็นเซอร์ภายในเครื่องวัดอุณหภูมิ การเปลี่ยนแปลงของวงจรอิเล็กทรอนิกส์ หรือผลกระทบจากสภาพแวดล้อม เช่น ความชื้นสูง การกระแทก หรือฝุ่นละอองสะสมในเครื่อง การสอบเทียบเครื่องวัดอุณหภูมิอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการได้ค่าที่ไม่แม่นยำ อย่างเช่น การตรวจสอบที่ผิดพลาด 

นอกจากนี้ การสอบเทียบไม่เพียงแต่ช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องมือ แต่ยังเสริมสร้างความมั่นใจในผลการวัดอีกด้วย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่ต้องผ่านการรับรองมาตรฐาน เช่น ISO 9001 หรือ GMP

ประโยชน์ของการสอบเทียบอย่างสม่ำเสมอ:

  • ช่วยให้เครื่องวัดอุณหภูมิสามารถวัดค่าได้อย่างถูกต้อง แม้ผ่านการใช้งานมาเป็นระยะเวลานาน
  • ลดความเสี่ยงจากการตัดสินใจผิดพลาดที่อาจเกิดจากค่าที่คลาดเคลื่อน
  • สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า และผู้ตรวจสอบมาตรฐานว่าข้อมูลที่ได้จากการวัดด้วยเครื่องวัดอุณหภูมิที่มีความแม่นยำ
  • สนับสนุนการควบคุมคุณภาพ และการตรวจสอบย้อนกลับในระบบอุตสาหกรรม
  • ช่วยป้องกันการสูญเสียทางเศรษฐกิจในระยะยาวจากความผิดพลาดที่อาจมองไม่เห็นในตอนแรก

วิธีสอบเทียบเครื่องวัดอุณหภูมิแบบง่าย ๆ

การสอบเทียบเครื่องวัดอุณหภูมิในห้องปฏิบัติการจะเป็นการสอบทียบให้ค่าที่แม่นยำสูงสุดพร้อมอุปกรณ์มาตรฐานต่าง ๆ รวมไปถึงใบรับรอง แต่ในหลายกรณี ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบ และสอบเทียบเครื่องวัดอุณหภูมิได้ด้วยตนเองด้วยวิธีง่าย ๆ ที่ใช้เพียงอุปกรณ์พื้นฐาน ไม่ต้องใช้งบประมาณสูง วิธีเหล่านี้ช่วยยืนยันว่าเครื่องวัดอุณหภูมิยังให้ค่าที่เชื่อถือได้ก่อนนำไปใช้งานจริง โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องการความรวดเร็ว และไม่มีเวลาส่งเครื่องไปสอบเทียบอย่างเป็นทางการ

1. สอบเทียบด้วยน้ำแข็ง (จุดเยือกแข็ง 0°C)

หนึ่งในวิธีสอบเทียบที่ง่าย และสามารถทำได้ด้วยตนเองคือการใช้น้ำแข็ง เนื่องจากจุดเยือกแข็งของน้ำบริสุทธิ์อยู่ที่ 0°C ภายใต้ความดันบรรยากาศปกติ วิธีนี้จึงกลายเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมสำหรับการตรวจสอบเครื่องวัดอุณหภูมิประเภทอินฟราเรด และแบบทั่วไปในครัวเรือน หรือแม้แต่งานภาคสนามที่ไม่สามารถเข้าถึงเครื่องมือมาตรฐานได้สะดวก

แม้จะดูเหมือนง่าย แต่การเตรียมน้ำแข็งอย่างถูกต้อง และการควบคุมสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมในการวัดก็สำคัญมาก เช่น การหลีกเลี่ยงแสงสะท้อน ความร้อนจากแหล่งอื่น หรือการสัมผัสกับภาชนะโลหะโดยตรง ซึ่งอาจทำให้ค่าอุณหภูมิคลาดเคลื่อนได้อย่างมีนัยสำคัญ

เหมาะสำหรับ: เครื่องวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรดทั่วไป

ขั้นตอน:

  1. เตรียมน้ำแข็งบดผสมกับน้ำสะอาดเล็กน้อยในภาชนะที่ไม่สะท้อนแสง และไม่เป็นโลหะ
  2. ปล่อยให้น้ำแข็ง และน้ำเข้ากันดีประมาณ 2–3 นาทีเพื่อให้อุณหภูมิของน้ำ และน้ำแข็งสมดุลกันที่ 0°C
  3. เล็งเซ็นเซอร์ของเครื่องวัดอุณหภูมิไปยังผิวน้ำแข็งจากระยะห่างที่เหมาะสมตามคู่มือผู้ผลิต
  4. บันทึกค่าอุณหภูมิที่เครื่องแสดง และเปรียบเทียบกับค่าอ้างอิง หากมีฟังก์ชันปรับค่า (เช่น ปุ่ม CAL) ให้ปรับค่าความต่าง หรือบันทึกเพื่อใช้อ้างอิงภายหลัง

2. สอบเทียบด้วยน้ำเดือด (จุดเดือด 100°C)

การใช้น้ำเดือดถือเป็นอีกหนึ่งวิธีสอบเทียบเครื่องวัดอุณหภูมิที่ได้รับความนิยม เนื่องจากสามารถให้ค่ามาตรฐานที่ค่อนข้างเสถียรในระดับหนึ่ง โดยอุณหภูมิของน้ำเดือดที่ความดันบรรยากาศปกติอยู่ที่ประมาณ 100°C ซึ่งสามารถใช้เป็นจุดอ้างอิงสำหรับการสอบเทียบเครื่องวัดอุณหภูมิได้เป็นอย่างดี วิธีนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเครื่องวัดอุณหภูมิแบบสัมผัสที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม หรือห้องทดลองทั่วไป

ประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาในการใช้วิธีสอบเทียบเครื่องวัดอุณหภูมิด้วยน้ำเดือดคือ อุณหภูมิที่น้ำเดือดจะไม่คงที่เสมอไป เนื่องจากค่าดังกล่าวขึ้นอยู่กับความดันบรรยากาศ ซึ่งอาจเปลี่ยนแปลงไปตามระดับความสูงของพื้นที่ เช่น ในพื้นที่ระดับน้ำทะเลน้ำน้ำจะเดือดที่ 100°C แต่ในพื้นที่ภูเขาอาจเดือดที่อุณหภูมิต่ำกว่านั้นเล็กน้อย การนำข้อมูลเรื่องระดับความสูงมาพิจารณาร่วมในการสอบเทียบจึงเป็นสิ่งสำคัญ

ดังนั้นผู้ใช้งานควรคำนึงถึงเงื่อนไขเฉพาะของแต่ละสถานที่ และควรใช้ตาราง หรือเครื่องมือคำนวณที่ช่วยปรับเทียบค่าจุดเดือดของน้ำให้สอดคล้องกับความดันบรรยากาศในพื้นที่นั้น เพื่อให้ค่าที่ได้จากการสอบเทียบมีความแม่นยำมากที่สุด และสามารถใช้งานได้อย่างมั่นใจ

เหมาะสำหรับ: เครื่องวัดอุณหภูมิแบบสัมผัส เช่น เทอร์โมคัปเปิล หรือ RTD

ขั้นตอน:

  1. ต้มน้ำกลั่นในภาชนะโลหะสะอาดจนเดือดเต็มที่
  2. หลีกเลี่ยงไม่ให้หัววัดสัมผัสก้นหม้อโดยใช้ตะแกรง หรือยึดไว้กับขอบภาชนะ
  3. สังเกตค่าอุณหภูมิที่เครื่องวัดอุณหภูมิแสดง ซึ่งควรอยู่ในช่วงใกล้เคียงกับ 100°C อย่างไรก็ตาม หากอยู่ในพื้นที่ที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล จุดเดือดของน้ำอาจลดต่ำลงเล็กน้อย ตัวอย่างเช่น บริเวณพื้นที่สูงอย่างจังหวัดเชียงใหม่ มักมีอุณหภูมิเดือดเฉลี่ยอยู่ในช่วงประมาณ 97.6 ถึง 98.8°C
  4. ปรับค่า หรือบันทึกค่าความคลาดเคลื่อนตามขั้นตอนในคู่มือ

การสอบเทียบเครื่องวัดอุณหภูมิแบบละเอียดในระดับมืออาชีพ

หากต้องการความแม่นยำระดับสูง การสอบเทียบเครื่องวัดอุณหภูมิในห้องแล็บที่ได้รับการรับรองจะใช้เครื่องมืออ้างอิงที่มีความแม่นยำสูง เช่น Standard Platinum Resistance Thermometer (SPRT), Fixed-Point Cell, หรือ Precision Thermistor ซึ่งให้ค่าความคลาดเคลื่อนต่ำมาก (เช่น ±0.01°C) กระบวนการจะมีการควบคุมสิ่งแวดล้อมอย่างเคร่งครัด เช่น ความชื้น อุณหภูมิแวดล้อม และการลดแรงสั่นสะเทือน เพื่อให้ได้ค่าที่แม่นยำที่สุด ผลการสอบเทียบจะระบุความไม่แน่นอนของการวัด (Uncertainty) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการประเมินความน่าเชื่อถือของเครื่องมือ

คำแนะนำเพิ่มเติมในการสอบเทียบเครื่องวัดอุณหภูมิ

การสอบเทียบเครื่องวัดอุณหภูมิแบบละเอียดระดับมืออาชีพ จะทำในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้ เช่น ห้องที่ไม่มีลมแรง ไม่มีแสงแดดส่องโดยตรง และใช้แหล่งอ้างอิงอุณหภูมิที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน เช่น เครื่องอ่างควบคุมอุณหภูมิ (Temperature Calibration Bath) หรือแหล่งความร้อนแห้ง (Dry Block Calibrator) เนื่องจากอุปกรณ์เหล่านี้มีความเสถียร และสามารถควบคุมอุณหภูมิได้อย่างแม่นยำ และสม่ำเสมอ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความน่าเชื่อถือของค่าที่ได้จากการสอบเทียบ

การสอบเทียบด้วยตนเองที่บ้านเหมาะกับเครื่องวัดอุณหภูมิระดับทั่วไปที่ใช้ในงานไม่ซับซ้อน เช่น งานครัวเรือน งานช่างเบื้องต้น หรือการวัดเพื่อใช้อ้างอิงคร่าว ๆ อย่างไรก็ตาม สำหรับเครื่องมือที่ใช้ในงานที่ต้องการความแม่นยำสูง หรือเกี่ยวข้องกับการควบคุมคุณภาพในอุตสาหกรรม ควรหลีกเลี่ยงการสอบเทียบด้วยตนเอง และเลือกใช้บริการสอบเทียบจากห้องแล็บที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน ISO หรือ IEC 17025 ซึ่งมีอุปกรณ์ และบุคลากรที่ผ่านการฝึกอบรมอย่างถูกต้อง

การเก็บบันทึกผลการสอบเทียบเครื่องวัดอุณหภูมิพร้อมรายละเอียดต่าง ๆ เช่น วันที่สอบเทียบ ค่าอ้างอิง และชื่อผู้ดำเนินการสอบเทียบ ยังช่วยให้สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ในกรณีเกิดปัญหา และเป็นประโยชน์ในการวางแผนการบำรุงรักษาเครื่องมืออย่างเป็นระบบอีกด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงจากการใช้งานเครื่องวัดอุณหภูมิที่คลาดเคลื่อน และส่งผลดีต่อภาพรวมของกระบวนการทำงานทั้งหมด

ควรสอบเทียบเครื่องวัดอุณหภูมิบ่อยแค่ไหน?

การสอบเทียบเครื่องวัดอุณหภูมิควรทำตามรอบระยะเวลาที่เหมาะสมกับการใช้งาน โดยทั่วไป การกำหนดรอบเวลาในการสอบเทียบนั้นจะขึ้นอยู่กับประเภทของเครื่องวัดอุณหภูมิ ลักษณะงาน และระดับความแม่นยำที่ต้องการ หากเครื่องวัดถูกใช้งานในสภาวะแวดล้อมที่มีความรุนแรง เช่น ความชื้นสูง ฝุ่นละออง หรืออุณหภูมิเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา อาจต้องสอบเทียบบ่อยกว่าปกติ

นอกจากนี้ ความถี่ในการสอบเทียบยังสามารถอิงจากข้อกำหนดของมาตรฐานคุณภาพที่องค์กรใช้อ้างอิง เช่น ISO 9001 หรือ HACCP ซึ่งในหลายกรณีจะกำหนดความถี่ไว้อย่างชัดเจน ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจว่าค่าที่วัดได้จากเครื่องวัดอุณหภูมิยังคงอยู่ในช่วงที่ยอมรับได้ และสามารถใช้ในการตัดสินใจหรือบันทึกข้อมูลได้อย่างถูกต้อง

  • สำหรับการใช้งานทั่วไปหรือในบ้าน: ปีละครั้งเพียงพอ หากไม่มีสัญญาณบ่งบอกว่าค่าผิดพลาด
  • สำหรับงานควบคุมคุณภาพในอุตสาหกรรม: ทุก 6 เดือน หรือเร็วขึ้นหากใช้งานหนักหรือในสภาพแวดล้อมรุนแรง
  • สำหรับเครื่องมือสำคัญในห้องแล็บหรือการแพทย์: ควรสอบเทียบทุก 3–6 เดือน

ควรมีการประเมินเครื่องมือก่อนใช้งานทุกครั้ง หากพบว่าค่าที่ได้ไม่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม หรือสิ่งที่คาดการณ์ไว้ ควรทำการสอบเทียบทันที

สรุป

การสอบเทียบเครื่องวัดอุณหภูมิเป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยยืนยันว่าเครื่องมือของเรายังให้ค่าที่แม่นยำและเชื่อถือได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะของงานที่ใช้ ความถี่ในการใช้งาน และสภาพแวดล้อม การสอบเทียบเครื่องวัดอุณหภูมิอย่างสม่ำเสมอถือเป็นการช่วยป้องกันความเสียหายจากความคลาดเคลื่อนของข้อมูล ลดต้นทุนความเสียหายในระยะยาว และเสริมสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้ว่าเครื่องมือยังทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเสมอ

เมื่อผู้ใช้งานมีระบบตรวจสอบ และสอบเทียบที่ดี จะสามารถบริหารจัดการกระบวนการผลิต หรือการทดลองได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในกรณีที่ข้อมูลอุณหภูมิถูกนำไปวิเคราะห์ หรือใช้เป็นข้อมูลต้นทางในกระบวนการวางแผน เช่น การควบคุมระบบทำความเย็นในห้องคลีนรูม หรือการตั้งค่าเตาอบอุตสาหกรรม หากเครื่องวัดอุณหภูมิให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อน อาจทำให้เกิดปัญหาเรื้อรังโดยที่ไม่สามารถระบุสาเหตุได้ชัดเจน

ดังนั้น ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ประกอบการขนาดใหญ่ ผู้ทำการทดลองเฉพาะทาง หรือแม้แต่ผู้ใช้งานทั่วไปในครัวเรือน การให้ความสำคัญกับการสอบเทียบเครื่องวัดอุณหภูมิอย่างจริงจังถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องมือที่ใช้ในแต่ละวันยังคงให้ค่าที่ถูกต้อง และไม่เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาที่ยากจะแก้ไขในอนาคต

About author

Your email address will not be published. Required fields are marked *