เครื่องเป่าลมร้อนยี่ห้อไหนดี? เป็นคำถามที่หลายๆ คนอยากรู้มากที่สุด โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยมีพื้นฐานเรื่องเครื่องมือช่างมากนัก เป็นมือใหม่ที่กำลังมองหา เครื่องเป่าลมร้อน ดีๆ สักเครื่องเพื่อใช้งานเบื้องต้นอย่างการซีลวัสดุหรือลอกวอลเปเปอร์
บทความนี้จะช่วยเป็นคู่มือในการเลือกและวิธีการใช้ เครื่องเป่าลมร้อน ให้คุณได้ โดยเราจะเปรียบเทียบ เครื่องเป่าลมร้อน 5 ยี่ห้อด้วยกันให้คุณได้ลองพิจารณา ได้แก่ Bosch, Makita, Stanley, Milwaukee และ Dewalt โดยจะเปรียบเทียบรุ่นที่มีขนาดใกล้เคียงกัน เป็นรุ่นที่พอดีมือ ใช้ได้ทั้งหญิงและชาย และเป็น เครื่องเป่าลมร้อนไร้สาย 18 โวลต์
สารบัญเนื้อหา
– เครื่องเป่าลมร้อน คืออะไร?
– วิธีการเลือก เครื่องเป่าลมร้อน
– 5 วิธีใช้ เครื่องเป่าลมร้อน ในงานต่างๆ
– เปรียบเทียบเครื่องเป่าลมร้อน 5 ยี่ห้อ
เครื่องเป่าลมร้อน คืออะไร?
เครื่องเป่าลมร้อน ภาษาอังกฤษเรียกว่า Heat Gun หรือปืนความร้อน ใช้ในการให้ความร้อนเฉพาะจุดเพื่อห่อของด้วยฟิล์มหด การหุ้มสายไฟหรืองอท่อ การลอกสีออกจากโลหะ ไม้ หรือปูน การลอกวอลเปเปอร์ สติ๊กเกอร์ การละลายท่อน้ำแข็ง การคลายสกรูหรือสลักเกลียวที่แน่นเกินไปเพราะสนิมเกาะหนา และยังใช้ในการละลายแก้วที่ไม่หนามาก หรือหลอมโลหะบัดกรีได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ เครื่องเป่าลมร้อน จะละลายได้เกือบทุกอย่างแต่ก็ไม่ควรใช้ละลายทุกอย่างเสมอไป โดยเฉพาะสิ่งที่มีการปนเปื้อนตะกั่ว เพราะจะทำให้สารเคมีละลายกลายเป็นสารพิษในอากาศ ซึ่งเป็นอันตรายถึงระดับเซลล์ของมนุษย์ ถ้าต้องทำงานลอกสีที่มีสารตะกั่วควรใช้เจลลอกสีหรือสารลอกสีอื่นๆ ที่เป็นของเหลวแทน และสวมอุปกรณ์ป้องกันทั้งตา จมูก และมือ
วิธีการเลือก เครื่องเป่าลมร้อน
ก่อนจะพูดถึงแต่ละยี่ห้อ ขอพูดถึงหลักการพื้นฐานที่ควรพิจารณาถ้าคุณจะเลือกเครื่องเป่าลมร้อน สักเครื่องก่อน ซึ่งมีด้วยกันหลายข้อ ดังนี้
1) ดูวัตต์ หรือ กำลังไฟ ของ เครื่องเป่าลมร้อน ✦
เครื่องเป่าลมร้อน ที่มีวัตต์สูง จะปล่อยลมร้อนอุณหภูมิสูงกว่าเครื่องที่มีวัตต์ต่ำ แต่ถ้าวัตต์สูงก็ต้องใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้นด้วย ทั้งกระแสและความดันจากแบตเตอรี่หรือแหล่งไฟจึงต้องเพียงพอ
2) ดู เครื่องเป่าลมร้อน ที่ควบคุมอุณหภูมิได้ ✦
ถ้าเครื่องปรับความร้อนได้หลายระดับก็จะจัดการกับงานได้หลายอย่าง เป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับทั้งมืออาชีพและนัก DIY เพราะช่วยให้ไม่ต้องซื้อ เครื่องเป่าลมร้อน หลายตัวที่ต่างอุณหภูมิกันให้สิ้นเปลือง
3) ดูความเร็วของใบพัดหรือพัดลมของ เครื่องเป่าลมร้อน ✦
เครื่องเป่าลมร้อน บางรุ่นสามารถปรับระดับความเร็วลมได้ ซึ่งความเร็วนี้จะทำงานควบคู่กับอุณหภูมิ ถ้าความเร็วสูงอุณหภูมิก็จะสูงและร้อนเร็ว แต่ก็ใช่ว่าทุกงานจะต้องใช้ความร้อนสูงเสมอไป ให้ดูที่เหมาะกับงาน เช่น ถ้าใช้ลอกสีหรือวอลเปเปอร์ความร้อนต้องมาก แต่ถ้าเป็นงานเชื่อมวงจรเล็กๆ ง่ายๆ อาจใช้ความร้อนต่ำ
4) ดูประเภทหัวเป่าลมของ เครื่องเป่าลมร้อน ที่เหมาะสม ✦
ไม่ใช่ทุกงานที่ต้องใช้หัวเป่า แต่ถ้าเป็นงานลอกสีหรือวอลเปเปอร์และสติกเกอร์ งานประกอบของ DIY อาจต้องการให้ความร้อนกระจายตัวได้มากหรือจ่อแค่เฉพาะจุด หัวเป่าที่ควบคุมทิศทางลมร้อนได้จึงจำเป็น บางยี่ห้อบางรุ่นจะได้แถมมากับเครื่องเลย แต่บางรุ่นก็ต้องซื้อแยก
5) ดูคุณสมบัติอื่นๆ ที่ต้องการจาก เครื่องเป่าลมร้อน ✦
เพื่อให้งานง่าย สะดวก รวดเร็วขึ้น คุณสมบัติบางอย่างก็ทำให้ เครื่องเป่าลมร้อน นั้นๆ ตรงใจคุณมากกว่าได้ เช่น มีขาตั้งในตัวหรือวางตั้งกับพื้นได้ รองรับการทำงานสองมือ เช่น ถ้าต้องการงอท่อจะให้ใช้มือแค่ข้างเดียวคงลำบากแย่ ต้องหาคนช่วย แต่ถ้าวางกับพื้นได้คุณก็สามารถทำงานคนเดียวได้สะดวก หรือถ้า เครื่องเป่าลมร้อน มีระบบแอคทีฟที่ป้องกันไม่ให้พื้นผิวการทำงานเสียหาย และป้องกันความร้อนสูงเกินไปได้ การใช้งานก็จะปลอดภัยมากขึ้น
5 วิธีใช้ เครื่องเป่าลมร้อน ในงานต่างๆ
🌟 1. วิธีใช้ เครื่องเป่าลมร้อน ในงานซีลของ หรือ ห่อของด้วยฟิล์มหด
เป็นฟังก์ชันพื้นฐานของ เครื่องเป่าลมร้อน ที่คนทั่วไปรู้ โดยเฉพาะในยุคที่มีการขายออนไลน์กันทั่วไป ใครๆ ก็เป็นพ่อค้าแม่ค้าได้เช่นนี้ แต่มีบางคนใช้ไดร์เป่าผมในการห่อฟิล์มหดเสมอมา ซึ่งก็ไม่เชิงว่าผิด จริงๆ แล้ว เครื่องเป่าลมร้อน จะมีประสิทธิภาพมากกว่า เพราะฟิล์มจะกระชับกับของได้ดีกว่า เร็วกว่า และไม่มีฟองอากาศนั่นเอง
วิธีใช้ก็ง่ายๆ แค่เลื่อน เครื่องเป่าลมร้อน ช้าๆ ไปบนฟิล์มหด ไล่จากมุมใดมุมหนึ่งไปก็ได้ แต่อย่าข้ามจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่ง งานจะไม่เรียบ และต้องระวังอย่าให้ลมร้อนโดนมือ เพราะผิวจะไหม้ได้ รอจนฟิล์มเย็นแล้วค่อยเก็บเข้าที่หรือแพ็กลงกล่อง
🌟 2. วิธีใช้ เครื่องเป่าลมร้อน ในงานลอกสีออกจากโลหะ
ตั้งค่าความร้อนต่ำสุด ถือไว้ให้ห่างจากโลหะจุดที่ต้องการลอก 2-3 นิ้ว เคลื่อนที่ปากเครื่องไปมาช้าๆ เมื่อสีอุ่นแล้วให้แซะออกเบาๆ ด้วยมีดฉาบหรือที่ขูดสี ระวังอย่าใช้ความร้อนมากเกินไป เนื่องจากความร้อนที่มากเกินไปอาจทำให้โลหะบิดงอได้
🌟 3. วิธีใช้ เครื่องเป่าลมร้อน ในงานลอกสีจากไม้
ไม้จะต่างกับโลหะตรงที่ติดไฟได้ง่าย และไม้แต่ละแบบทนความร้อนได้ต่างกัน ดังนั้นจึงมีอุณหภูมิที่เหมาะสมต่างกัน ถ้าตั้งอุณหภูมิต่ำเกินไปจะใช้เวลานานกว่าสีจะหลุดลอกออกเอง แต่ถ้าใช้ความร้อนสูงเกินไปจะทำให้ไม้ไหม้หรือเป็นรอยไหม้ดำๆ ถ้าเป็นไม้ที่ยังขัดผิวแก้ปัญหาได้ก็อาจไม่เป็นไร
ทางที่ดีที่สุดเวลาใช้งานให้เริ่มต้นจากอุณหภูมิต่ำๆ ก่อน และอย่าจ่อที่จุดเดิมเป็นเวลานาน หรือควรพักเครื่องแล้วเอามือแตะสีดูเป็นระยะ ดูว่ามันร้อนหรือยัง ใกล้จะหลุดแล้วหรือไม่ แล้วใช้ที่ขูดสีช่วยแซะเบาๆ
🌟 4. วิธีใช้ เครื่องเป่าลมร้อน ในงานลอกวอลเปเปอร์ หรือสติ๊กเกอร์
ให้ใช้ความร้อนสูงเพื่อละลายกาว และใช้มีดช่วยในการค่อยๆ ลอกวอลล์เปเปอร์ออก วอลเปเปอร์ที่โดนความร้อนจะเสียหาย ใช้งานไม่ได้อีก ดังนั้น ถ้าต้องการเอาไปใช้ติดที่อื่นอีกก็ควรใช้เครื่องมืออื่นในการลอก ส่วนสติ๊กเกอร์ให้ใช้อุณหภูมิต่ำจะเหมาะกว่า
🌟 5. วิธีใช้ เครื่องเป่าลมร้อน ในงานคลายสลักเกลียวและสกรู
สลักเกลียวหรือสกรูที่เป็นสนิมและสึกกร่อนมากเกินไปจะหมุนยากมาก ถ้าไม่มีคีมตัวใหญ่ๆ หรือประแจปอนด์ที่ช่วยทุ่นแรงก็คงจะขันไม่ไหว แต่ถ้ามี เครื่องเป่าลมร้อน ก็จะง่ายขึ้น เพราะการเป่าลมร้อนจะทำให้โลหะขยายตัว จึงคลายออกได้ง่ายขึ้น
🌟 6. วิธีใช้ เครื่องเป่าลมร้อน ในงานเชื่อมวงจร
ใช้จ่อไปที่ข้อต่อประเภทพลาสติกหรือท่อหดเพื่อให้พลาสติกหดตัวจนแน่น ป้องกันการรั่วไหลของวงจรได้ดีมาก ถ้าหากต้องระวังความร้อนไม่ให้ไปโดนจุดอื่นๆ ด้วย ให้ใช้อุปกรณ์เสริมหัวเป่าแบบงอหรือแบบสะท้อน ซึ่งจะช่วยควบคุมลมร้อนให้โดนเฉพาะจุดที่คุณต้องการได้
เปรียบเทียบ เครื่องเป่าลมร้อน 5 ยี่ห้อ
อย่างที่บอกไปว่าเราจะเปรียบเทียบรุ่นที่มีขนาดใกล้เคียงกัน เป็นรุ่นที่ขนาดพอดีมือทั้งผู้ชายและผู้หญิง โดยเป็นรุ่นไร้สายทั้งหมด รายละเอียดจะอยู่ในตารางและด้านล่างของตาราง
💙 1. เครื่องเป่าลมร้อน Bosch : GHG 18V-50
ทำความร้อนที่ 300 องศาได้เร็วภายใน 6 วินาทีเท่านั้น ซึ่งเป็นความร้อนระดับที่ทำให้อาหารสุกได้ภายในไม่กี่นาที แต่ก็มีความร้อนต่ำที่ใช้ในการลอกสติกเกอร์แบบไร้คราบกาว หรือใช้กับท่อหดและฟิล์มหุ้มพัสดุได้เหมือนกัน หรือใครจะใช้ความร้อนสูง 500 องศาเซลเซียส เพื่อดัดท่อก็ทำได้เช่นกัน เป็น เครื่องเป่าลมร้อน ที่พกมาง่าย ใช้งานได้อเนกประสงค์ และมีหัวเป่าเสริมให้ 2 แบบ มาในกล่องพลาสติกแข็งคุณภาพ
💚 2. เครื่องเป่าลมร้อน Makita : DHG181ZK
ราคาค่อนไปทางสูง แต่มาพร้อมกล่องพลาสติกแข็งเอาไว้จัดเก็บ และหัวเป่า 4 รูปแบบสำหรับใช้งานหลากหลายวิธี ให้อุณหภูมิสูงถึง 550 องศาเซลเซียส ปรับความร้อนได้มากถึง 6 ช่วง บวกกับความเร็วลม 2 ช่วง จึงควบคุมอุณหภูมิได้หลากหลายกว่า เครื่องเป่าลมร้อน อีก 4 ยี่ห้อที่นำมาเปรียบเทียบกัน ถือว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า วัสดุก็แข็งแรงทนทาน ใช้ได้ตั้งแต่งานเล็กๆ ไปจนถึงงาน Heavy Duty
💛 3. เครื่องเป่าลมร้อน Stanley : SFMCE530B-XJ
เป็นเครื่องมือที่พัฒนาขึ้นให้ใช้งานแบตเตอรี่ร่วมกับ 20V ได้ เลยใช้งานได้ยาวนานกว่า 18V รุ่นก่อนๆ และเน้นระบบความปลอดภัยมากขึ้น มีสวิตช์นิรภัยป้องกันอันตรายหากเปิดเครื่องโดยไม่ได้ตั้งใจ ให้ความร้อนสูงถึง 510 องศาเซลเซียส ปากเครื่องกว้าง 75 มม. จึงเพิ่มพื้นที่เป่าลมร้อนได้มากในคราวเดียว แต่ก็มีหัวเป่าแบบอื่นๆ เสริมการใช้งานภายในชุดด้วย
💗 4. เครื่องเป่าลมร้อน Milwaukee : M18 BHG-0 Cordless Compact
ขนาดดูเหมือนเล็ก แต่ใหญ่และค่อนข้างหนัก มาพร้อมหัวเป่า 2 แบบ สำหรับจ่อลมเฉพาะจุดและใช้กับการงอท่อหรือใส่ท่อหดบนสายไฟหรือสายเคเบิ้ล ใช้กับแบตเตอรี่ M18 ได้ทุกรุ่น มีเทคโนโลยี REDLINK Intelligence ช่วยควบคุมอุณหภูมิภายในเครื่องไม่ให้สูงเกินไปหรือผันผวน จึงยืดอายุการใช้งานได้เยอะ เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการฟังก์ชันที่ซับซ้อน
💜 5. เครื่องเป่าลมร้อน Dewalt : DCE53ON-XJ
ใช้กับแบตเตอรี่ 20V ได้ จึงมีรันไทม์ยาวนาน ใช้งานต่อเนื่องได้นานกว่ายี่ห้ออื่น ปรับอุณหภูมิได้ 2 ระดับ คือ High และ Low ฐานเครื่องวางตั้งกับพื้นได้มั่นคง จึงทำงานแบบสองมีได้อย่างอิสระ ภายในมีระบบระบายความร้อน จึงไม่เกิดความร้อนสูงแม้จะใช้งานต่อเนื่อง อายุการใช้งานจึงยาวนาน ในชุดมาพร้อมหัวเป่า 3 แบบ ทั้งคุณภาพและของที่ได้มาถือว่าคุ้มกับราคามาก
หลังอ่านบทความนี้จบแล้ว หากท่านใดยังมีข้อสงสัย หรือต้องการความรู้เรื่องอื่นๆ เพิ่มเติม สามารถพิมพ์ความเห็นของท่านมาพูดคุยกับทีมงาน Tool Talking ได้ เพราะเราพร้อมจะทอร์คเรื่องเครื่องมือกับทุกท่านอย่างเต็มใจเสมอ
แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้า หวังว่าท่านจะชอบเรื่องที่นำมาเล่านี้ และแสดงความประทับเล็กๆ น้อยๆ ผ่านการถูกใจ 💗 หรือแชร์ 💗 บทความของเรา แบ่งปันให้กับคนอีกจำนวนมากที่อาจไม่รู้สาระดีๆ เหล่านี้