เครื่องมือไฟฟ้า เป็นเครื่องมือที่ใช้สะดวก ทำงานได้รวดเร็ว และจำเป็นกับงานหลายงาน เป็นเหตุผลว่าทำไม เครื่องมือจึงควรถูกรักษาให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด ยิ่งเครื่องมือไฟฟ้าส่วนใหญ่มีราคาสูงด้วยแล้ว ยิ่งเป็นเหตุผลให้ต้องดูแล และบำรุงรักษาอย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตาม เครื่องมือไฟฟ้ามักถูกปล่อยปะละเลยจากผู้ใช้ส่วนใหญ่ ส่งผลให้ ใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ และเสียหายในที่สุด บทความนี้จึงจะมาช่วยย้ำเตือนและให้คำแนะนำกับ 12 สิ่งที่ควรรู้ในการดูแลรักษาเครื่องมือไฟฟ้า เพื่อให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยาวนาน
ปล่อยให้เครื่องมือเย็นลง
หาก เครื่องมือช่างไฟฟ้าของคุณเริ่มร้อนหรือกำลังจะหยุดทำงาน คุณควรปล่อยมือจากปุ่มทำงานของเครื่องมือทันที แล้วปล่อยให้เครื่องมือนั้นเย็นลง เมื่อทำแบบนี้ ก็จะเป็นการช่วยชะลอความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับมอเตอร์หรือชิ้นส่วนอื่นๆ ของเครื่องมือ
แต่ว่าก็มีบางครั้งที่ ความร้อนสูง ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการใช้งานเป็นระยะเวลานาน ยกตัวอย่าง: คุณอาจใช้แรงกดเครื่องมือมากเกินไปหรือน้อยเกินไปขณะใช้งาน นอกจากนี้ อาจมีสาเหตุมาจากแบรนด์ เพราะบางแบรนด์อาจเกิดความร้อนได้ง่ายกว่าแบรนด์อื่นๆ
หากคุณสังเหตุเห็นว่าเครื่องมือไฟฟ้าของคุณเกิดความร้อนสูงอยู่บ่อยครั้ง คำแนะนำที่ดีที่สุดคือเก็บปัญหานี้เอาไว้ และนำไปใช้ในการพิจารณาซื้อเครื่องมือในครั้งหน้า ยกตัวอย่าง: คุณกำลังตัดสินใจซื้อสว่านใหม่และต้องการรุ่นที่จะไม่เกิดความร้อนสูงบ่อยครั้ง คุณควรหลีกเลี่ยงการซื้อ รุ่นที่ปรับความเร็วไม่ได้ เพราะสว่านจะทำงานหนักอยู่ตลอด หรือรุ่นที่ไม่มีกลไกป้องกันการเกิดความร้อนสูง เป็นต้น แน่นอนว่า หากตัวเลือกของคุณเป็นแบรนด์คุณภาพ ส่วนใหญ่จะจัดการความร้อนได้ดี ที่เหลือคือการเปรียบเทียบว่า แบรนด์ไหน รุ่นไหนจะดีกว่ากัน
อาจจะพูดเลยไปไกลหน่อย แต่อย่างที่ได้กล่าวไป ไม่ว่าเครื่องมือของคุณจะดีมากแค่ไหน สิ่งสำคัญคือไม่ควรลืมให้เครื่องมือพักบ้างระหว่างทำงาน เพราะการใช้งานขณะมีความร้อนสูงคือตัวการสำคัญที่เร่งให้เครื่องมือเสียหายไวขึ้น
ทำความสะอาดเครื่องมือทุกครั้งหลังใช้งาน
ถ้าคุณต้องการใช้ เครื่องมือไฟฟ้า ของคุณอยู่ในสภาพที่ดีได้นานขึ้น คุณควรทำความสะอาดเครื่องมือทุกครั้งหลังใช้งาน แม้จะเป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่รู้อยู่แล้ว แต่ก็มักเป็นเรื่องที่ถูกละเลยไป ซึ่งเข้าใจได้เพราะ การทำความสะอาดคือสิ่งสุดท้ายที่หลายคนนึกถึงหลังจากทำงานมาทั้งวัน แต่จริงๆ แล้ว มันไม่ได้ยาก และไม่ได้ใช้เวลามากขนาดนั้นของเวลาที่แสนยุ่งของคุณ
เริ่มง่ายๆ โดยการใช้ผ้านุ่มทำความสะอาดบนเครื่องมือไฟฟ้าของคุณ เช็ดคราบสกปรก เศษฝุ่น และเศษวัสดุต่างๆ รู้หรือไม่ว่าเศษฝุ่นหรือวัสดุเหล่านี้ แม้เพียงเล็กน้อย เมื่อไปจับตัวกับความชื้นจะให้เครื่องมือสึกกร่อน และเป็นสนิมได้ นอกจากทำความสะอาดในส่วนที่มองเห็นแล้ว ในส่วนที่เป็นร่องลึกของเครื่องมือ คุณสามารถทำความสะอาดได้โดยใช้ เครื่องปั๊มลม เครื่องปั๊มลม หรือเครื่องมือเรียบง่ายอย่าง แปรงทำความสะอาดท่อ เป็นเรื่องที่ง่ายมากเลย คุณว่ามั้ย? แค่แบ่งเวลาทำความสะอาดเครื่องมือไม่กี่นาที ก็จะทำให้เครื่องมือของคุณอยู่ในสภาพดีไปได้นาน และประหยัดค่าใช้จ่ายในการหาซื้อชิ้นส่วนมาเปลี่ยนใหม่
หล่อลื่น เครื่องมือไฟฟ้า ของคุณ
อีกสิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้เครื่องมือมีสภาพดีได้ยาวนานคือการหล่อลื่นให้กับชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องมือ การหล่อลื่น เครื่องมือชไฟฟ้า จะช่วยป้องกันการสึกกร่อนเนื่องจากแรงเสียดทานจากการสัมผัสกันของชิ้นส่วน แรงเสียดทานทำให้เกิดความร้อน การหล่อลื่นจึงมีส่วนสำคัญในการช่วยลดความร้อนขณะทำงานของเครื่องมือด้วย
สารหล่อลื่นแต่ละประเภทมีความหนืดที่แตกต่างกัน และเครื่องมือแต่ละประเภทก็ต้องการความหนืดที่ต่างกันเช่นกัน บางเครื่องมืออาจต้องการ แว็กซ์ บางเครื่องมืออาจต้องการ แกรไฟต์ โดยคุณจะรู้ได้ว่าเครื่องมือของคุณต้องการสารหล่อลื่นประเภทไหนจากคู่คือของเครื่องมือ เมื่อคุณเลือกสารหล่อลื่นได้ถูกต้อง และใช้หล่อลื่นเป็นประจำ ชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องมือก็จะมีอายุการใช้งานที่นานขึ้น นอกจากนี้ การหล่อลื่นยังเป็นการทำความสะอาดเครื่องมือไปในตัว เพราะทุกครั้งที่คุณใช้ผ้าเช็ดสารหล่อลื่น เศษฝุ่นต่างๆ ก็จะติดออกมานั่นเอง เลือกประเภทของสานหล่อลื่นให้ถูกต้อง หล่อลื่นเครื่องมือเป็นประจำ จะช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องมือได้อย่างมาก
ลับคมใบเลื่อยและดอกสว่าน
การทู่ เป็นเรื่องที่ยังไงก็ต้องเกิดขึ้น ดอกสว่านและใบเลื่อยที่ทู่จะทำให้เครื่องมือทำงานหนักและลดประสิทธิภาพการทำงานของ สว่าน วงเดือน โซ่ และเครื่องมือไฟฟ้าอื่นอีกหลายเครื่องมือ ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้จ่ายและการเสียเวลาซ่อมชิ้นส่วนของเครื่องมือ การลับใบเลื่อยและดอกสว่านให้คมอยู่ตลอดจึงมีความสำคัญมาก แต่คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าใบเลื่อยกำลังทู่อยู่? โดยจะมีสองสามอย่างที่คอยบอกกับคุณว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องลับใบเลื่อย ยกตัวอย่าง เสียงของเลื่อยที่เปลี่ยนไป หรือใบเลื่อยเริ่มทำให้เนื้อไม้เสียหาย หรือเวลาที่ใช้ทำงานนานขึ้น เพราะใบเลื่อยที่ทู่จะใช้เวลาตัดมากกว่าใบเลื่อยที่คม
กรณีของดอกสว่านก็ใช้หลักการดูเหมือนกับของใบเลื่อย ส่วนความถี่ของการลับคมนั้นขึ้นอยู่กับว่าคุณใช้เครื่องมือบ่อยแค่ไหนและวัสดุที่คุณทำงานด้วยคืออะไร ยกตัวอย่าง: คุณสังเกตุเห็นว่าสว่านของคุณเริ่มจะเจาะบนไม้อ่อนไม่ค่อยได้ นั่นหมายถึงถึงเวลาแล้วที่คุณต้องลับคม ดังนั้น เพื่อยืดอายุการใช้งานของ เลื่อยโซ่ สว่าน และ เครื่องมือช่าง ที่ใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ตรวจสอบให้แน่ใจว่า ใบเลื่อยหรือดอกสว่านที่คุณมีอยู่นั้นยังคมอยู่หรือไม่
ขันโบลท์และสกรูให้แน่น
การใช้งานเครื่องมือไฟฟ้าอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ สุดท้ายจะเลี่ยงไม่ได้ที่โบลท์และสกรูจะหลวมในที่สุด เป็นอันตรายต่อผู้ใช้และเกิดปัญหาการใช้ง่านต่างๆ หากโบลท์และสกรูไม่ถูกขันให้กลับอยู่สภาพเดิม ยกตัวอย่างประสิทธิภาพของเครื่องมืออาจลดลง หรือเลวร้ายกว่า คือเครื่องมือเสียหายจนใช้งานไม่ได้เลย เป็นเหตุผลว่าทำไมคุณจึงควรตรวจสอบโบท์และสกรูของเครื่องมืออย่างสม่ำเสมอและขันกลับให้เข้าที่แม้จะหลวมแค่เล็กน้อยก็ตาม ส่วนเครื่องมือที่จะใช้ขัน มีมากมายให้เลือกเช่น ไขควง ประแจ สว่านหรือไขควงไฟฟ้า ฯลฯ ตรวจสอบ เครื่องมือช่าง ที่ใช้ไฟฟ้าของคุณ ทุกครั้งที่ทำได้ หากมีโบล์หือสกรูหลวม ขันให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้ปัญหาเล็กๆ นี้นำมาซึ่งปัญหาที่ใหญ่กว่า
ใส่ใจกับมอเตอร์
มอเตอร์คือหัวใจสำคัญของเครื่องมือไฟฟ้าส่วนใหญ่ที่ควรให้อยู่ในสภาพดีอยู่เสมอ ไม่ต้องถึงกับทุกครั้ง แต่ให้บ่อยครั้งหลังใช้งานในการตรวจสอบมอเตอร์ให้แน่ใจว่ามีส่วนที่เสียหายอยู่หรือไม่ หากมี ควรซ่อมหรือเปลี่ยนใหม่ให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ ถ้ามอเตอร์ของเครื่องมือไฟฟ้าคุณเป็นมอเตอร์ไร้แปรงถ่าน คุณแทบไม่ต้องกังวลกับปัญหานี้เลย แต่ถ้าเป็นแบบมีแปรงถ่าน คุณจำเป็นต้องรักษาให้ดีให้มีสภาพที่ดีที่สุด มอเตอร์แบบมีแปรงถ่านจะใช้แปรงถ่านเป็นสื่อกลางส่งกระแสไฟฟ้า ซึ่งแปรงถ่านจะสัมผัสกับคอมมิวเตอร์ตลอดเวลา ทำให้ขณะหมุน เกิดแรงเสียดทาน เกิดความร้อนที่มากขึ้น ใช้พลังงานมากขึ้น และสุดท้ายเกิดการสึกกร่อนของแปรง
เมื่อรู้สึกว่ามอเตอร์ของเครื่องมือร้อน เพื่อให้เย็นลง ให้คุณหาลมมาเป่าที่ช่องระบายอากาศของเครื่องมือสักสองสามนาที การทำแบบนี้ ไม่ใช่แค่ทำให้มอเตอร์เย็นลงเท่านั้น แต่ยังช่วยทำความสะอาดเศษฝุ่น เศษวัสดุต่างๆ และเพิ่มอายุการใช้งานของแปรง ก่อนหน้านี้ได้พูดถึงความสำคัญของการทำความสะอาดเครื่องมือหลังจากใช้งานไปแล้ว ขณะทำความสะอาด อย่าลืมทำความสะอาดมอเตอร์ของเครื่องมือด้วย พร้อมๆ กับตรวจสอบความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งาน
ใส่ใจกับสายไฟ
สายไฟคือสิ่งหนึ่งที่มักถูกละเลยไม่ว่าจะเป็นของ เครื่องมือช่าง หรืออุปกรณ์อื่นที่ใช้ไฟฟ้า ทั้งที่จริงๆ แล้วสายไฟ เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญ เพราะหมายถึง ความปลอดภัยของสถานที่ทำงาน ยกตัวอย่าง ไฟฟ้าลัดวงจรและไฟไหม้ อาจมีสาเหตุมาจากสายไฟที่เสียหาย หลวม หรือค่อยๆ ขาดตลอดเวลาที่ผ่านมา และแน่นอนว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกับสายไฟมีผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องมือ จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องต้องตรวจสภาพสายไฟให้สม่ำเสมอ มองหารอยแตก รอยฉีกขาดบนสายไฟทุกๆ ครั้งที่ใช้งานเครื่องมือไฟฟ้า หากพบว่าสายไฟมีรอยแตกหรือขาด แนะนำว่าไม่ควรพยายามซ่อมด้วยตัวคุณเองด้วยโดยใช้อุปกรณ์ง่ายๆ อย่างเทปกาว ทางที่ดีให้หาช่างที่ีความรู้และทักษาเฉพาะมาซ่อมให้จะดีกว่า
การคาลิเบรทเครื่องมือ
การคาลิเบรทเครื่องมือ หรือ การปรับเทียบเครื่องมือ คือการปรับค่าที่เครื่องมือแสดงผลให้ตรงกับมาตรฐาน ซึงจำเป็นสำหรับเครื่องมือที่ใช้ในการวัดค่าต่างๆ ที่ต้องการความถูกต้อง แม่นยำ ยกตัวอย่าง ลองนึกภาพว่าคุณเป็นช่างยนต์ คุณซ่อมรถให้กับลูกค้า ใช้ประแจทอร์คขันน็อตล้อพร้อมกับใช้ปั๊มลมเติมลม แต่ประแจทอร์คและเกจของปั๊มลมนั้นไม่ถูกคาลิเบรท น็อตอาจหลวมหรือแน่น แต่แสดงผลว่าปกติ ลมยางอาจอ่อนหรือแข็งเกินไป แต่แสดงผลว่าปกติ ดังนั้น การคาลิเบรทเครื่องมือจึงเป็นเรื่องที่ควรทำอยู่เสมอๆ การคาลิเบรทของเครื่องมือบางประเภทจะถูกกำหนดโดยมาตรฐาน ISO 9001:2015 ที่คุณจะต้องได้รับการรับรองจากผู้เชี่ยวชาญว่าเครื่องมือของคุณนั้นคาลิเบรทถูกต้องแล้ว ซึ่งปกติจะต้องทำอย่างน้อยปีละครั้ง
เก็บ เครื่องมือไฟฟ้า ในที่เหมาะสม
ทุกอย่างที่ได้พูดไปล้วนสำคัญ ที่จัดเก็บเครื่องมือก็เช่นกัน ที่ควรมีความเหมาะสมเพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องมือ และอย่างที่รู้กันว่า เครื่องมือช่าง ที่ใช้ไฟฟ้านั้นเสียหายได้ง่ายหากมีการสัมผัสกับความชื้น อย่างแรก คุณจะต้องแน่ใจว่าที่จัดเก็บเครื่องมือนั้นเป็นที่ที่แห้งและสะอาด อย่างไรก็ตาม หากคุณยังกังวลเรื่องของความชื้นอยู่ ซองดูดความชื้นสามารถช่วยคุณได้ ซึ่งเมื่อนำไปวางกับเครื่องมือจะช่วยดูดความชื้นบริเวณรอบๆ และจะใช้ได้ดีมากขึ้นเมื่อเก็บเครื่องมือในที่ปิด เช่น ในกล่องเครื่องมือ ซึ่งส่วนใหญ่เครื่องมือไฟฟ้าจะมาพร้อมกับกล่องอยู่แล้ว แต่หากคุณซื้อเป็นเครื่องเปล่ามา จะใช้เป็นกล่องพลาสติดใสแทนก็ได้
ในการจัดเก็บ เครื่องมือไฟฟ้า คุณอาจต้องหาพื้นที่หรือสร้างชั้นวางเพิ่มเติม แต่การเสียเวลาทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ แลกกับอายุการใช้งานของเครื่องมือไฟฟ้าที่ยาวนานขึ้น ก็นับว่าคุ้มค่า ดังนั้น อย่าลืม เก็บเครื่องมือให้ไกลจากความชื้น ใส่เครื่องมือ ใส่ซองดูดความชื้นลงไปในกล่อง แล้วค่อยจัดเก็บให้เรียบร้อย
เปลี่ยนชิ้นส่วนเครื่องมือเมื่อใช้งานไประยะหนึ่ง
ชิ้นส่วนบางชิ้นส่วนของ เครื่องมือไฟฟ้า จะสามารถเปลี่ยนได้ และต้องได้รับการเปลี่ยนอย่างสม่ำเสมอ แตกต่างจากชิ้นส่วนอื่นๆ ที่จะสึกไปตามเวลา ยกตัวอย่าง หลังจากใช้งานมาหลายปี คุณเริ่มรู้สึกว่าด้ามจับสว่านของคุณหลวม ใช้ทำงานได้ไม่ค่อยดีนัก และเทปกาวก็ช่วยคุณไม่ได้ แสดงว่าถึงเวลาที่คุณจะต้องเปลี่นด้ามจับอันนั้นแล้ว เพื่อไม่ใช่แค่ให้ใช้งานได้ดีเหมือนเดิม แต่เพื่อให้ใช้งานได้ปลอดภัยด้วย คุณสามารถเปลี่ยนชิ้นส่วนบางอย่างของเครื่องมือได้ด้วยตัวคุณเอง แต่หากเป็นชิ้นส่วนที่ซับซ้อนมากขึ้น ให้เป็นหน้าที่ของช่างที่เชี่ยวชาญจะดีกว่า แต่ละชิ้นส่วน แต่ละเครื่องมือ จะมีระยะเวลาที่จะต้องเปลี่ยนไม่เท่ากัน และแม้เมื่อถึงเวลาแล้วแต่ชิ้นส่วนยังไม่เสียหายมากนัก คุณก็ควรเปลี่ยน เพราะคำว่าเล็กน้อยอาจหมายถึงรายจ่ายมากมายที่ต้องซ่อมเครื่องมือได้ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่ดีกว่าที่จะเปลี่ยนชิ้นส่วนทันทีเมื่อพบว่ามีปัญหา
ใส่ใจแบตเตอรี่
ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือแบตเตอรี่เพราะ เครื่องมือไฟฟ้า บางประเภท ได้เปลี่ยนมาเป็นแบบไร้สายและใช้พลังงานจากแบตเตอรี่กันแทบทั้งหมดแล้ว เช่น ส่วานไร้สาย ไขควงกระแทกไร้สาย เลื่อยวงเดือนไร้สาย เป็นต้น แต่คุณรู้มั้ยว่าแบตเตอรี่ นอกจากจะให้พลังงานกับเครื่องมือแล้ว แบตเตอรี่ที่ไม่ได้รับการดูแลที่ดี อาจทำให้มีปัญหาการใช้งานและเครื่องมือเสียหายมากกว่าที่คุณคิด ยกตัวอย่าง การใช้แบตเตอรี่ที่เจอกับความชื้นตลอดเวลา ดังนั้น จึงมีสองสามอย่างที่คุณควรรู้ในการดูแลรักษาแบตเตอรี่ เพื่อใช้งานได้ยาวนานขึ้น เริ่มที่ข้อแรก คือ คุณจะต้องใช้แบตเตอรี่
อาจตรงกันข้ามจากสิ่งที่คุณคิดแต่ ยิ่งคุณใช้แบตเตอรี่บ่อยมากเท่าไหร่ อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ก็ยิ่งยาวนานมากขึ้น เพราะ แบตเตอรี่ที่ใช้กับเครื่องมือเป็นแบตเตอรี่ลิเธียมไออน ที่มีข้อเสียคือ การปล่อยทิ้งไว้นานๆ จะทำให้ไฟในแบตค่อยๆ ลดลงจนหมดในที่สุด เป็นเหตุให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว เมื่อคุณรู้แล้วว่าไม่ควรปล่อยให้แบตเตอรี่หมด จึงเป็นที่มาของข้อสอง ชาร์จแบตเตอรี่ทุกครั้งที่ชาร์จได้ ไม่จำเป็นต้องรอให้แบตเตอรี่เหลือน้อย เพราะแม้การชาร์จบ่อยๆ จะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมแต่ แบตเตอรี่ลิเธียมไออนไม่ได้นับที่จำนวนครั้งที่ชาร์จแต่เป็นรอบการชาร์จ ยกตัวอย่าง: แบตเตอรี่มีรอบการชาร์จที่ 80 เปอร์เซ็นต์ การชาร์จทั้งหมด 10 ครั้งรวมแล้ว 60 เปอร์เซ็นต์ จะยังไม่นับเป็นหนึ่งรอบ ดังนั้น ใช้แบต ชาร์จแบต ให้บ่อยเท่าที่ทำได้
ข้อสาม คือ หลังจากใช้งานควรถอดแบตเตอรี่ออกจากเครื่องมือแล้วเก็บในที่ที่จัดเตรียมไว้ ก่อนทำที่จัดเก็บแบตเตอรี่ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าพื้นที่ตรงนั้นแห้งและไม่มีความชื้น แต่สุดท้ายก็เลี่ยงไม่ได้ที่วันนึงแบตเตอรี่จะต้องเสื่อม หากคุณรู้สึกว่าระยะเวลาที่ใช้เครื่องมือทำงานได้สั้นเกินไป เพื่อให้ใช้เครื่องมือต่อได้เต็มประสิทธิภาพ คุณควรพิจารณาแบตเเตอรี่
สรุป
อย่างที่รู้กันว่า เครื่องมือช่างไฟฟ้า มีข้อดีต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะเรื่องของการทำงานปริมาณมากๆ ใช้กันตั้งแต่งานในบ้านไปจนถึงงานในไซต์ก่อสร้าง แต่กลับมีข้อเสียคือ เครื่องมือเหล่านี้จะเสียหายได้ง่ายหากดูแลรักษาไม่เหมาะสม ดังนั้น การดูแลรักษาเครื่องมือให้ดี จึงเป็นสิ่งที่ควรทำ ให้เครื่องมือใช้ได้อย่างยาวนาน และลดรายจ่ายจากการซ่อมแซมเครื่องมือในอนาคตด้วย