เราจะใช้ เครื่องปั่นไฟ เพื่อสำรองไฟทั้งบ้านอย่างไร?

เครื่องปั่นไฟ สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าใช้ภายในบ้านได้เป็นเวลาหลายชั่วโมง หรืออาจหลายวันหลังจากไฟดับ หลายคนคงอยากทราบว่าเครื่องปั่นไฟเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าหรือไม่?

ไฟฟ้าดับเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และเพิ่มขึ้นทั้งความถี่และระยะเวลา เกือบ 70 เปอร์เซ็นต์ของไฟดับทั้งหมดเกิดจากพายุรุนแรง ฝนตก แต่ 30 เปอร์เซ็นต์เกิดจากความล้มเหลวของอุปกรณ์เนื่องจากอายุการใช้งานของประเทศและโครงข่ายไฟฟ้าที่ใช้งานมากเกินระดับการทำงานของอุปกรณ์ แล้วเราจะรับมือกับมันได้อย่างไร?

รับมือกับไฟดับ

รับมือกับไฟดับ

ทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากขึ้นคือการซื้อเครื่องปั่นไฟแบบอัตโนมัติหรือเครื่องปั่นไฟที่มีระบบ ระบบ automatic start โดยเครื่องปั่นไฟจะทำหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้า ภายในไม่กี่วินาทีหลังจากไฟดับ เครื่องปั่นไฟจะเริ่มทำงานโดยอัตโนมัติเพื่อจ่ายไฟให้กับวงจรไฟฟ้าในบ้าน เรียนรู้และศึกษาเพิ่มเติมเรื่อง เครื่องปั่นไฟและเครื่องกำเนิดไฟฟ้า

อย่างไรก็ตามเครื่องปั่นไฟนั้นมีราคาค่อนข้างสูง ดังนั้นการตัดสินใจซื้อจึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ดั้งนั้นทุกคนต้องหาข้อเท็จจริงเพื่อให้คุณตัดสินใจได้ว่า เครื่องปั่นไฟแบบใดเหมาะสำหรับการใช้งานภายในบ้านและครอบครัวของคุณ..

การตัดสินใจซื้อ เครื่องปั่นไฟ จากความสะดวกหรือความจำเป็น

ในขั้นตอนแรกในการตัดสินใจซื้อเครื่องปั่นไฟ อาจเป็นเรื่องของความพอใจส่วนบุคคล สำหรับบางคนเกิดจากการไม่ได้รับความสะดวกจากไฟดับ แต่บ่อยครั้งความต้องการจะขึ้นอยู่กับความถี่ที่ไฟฟ้าดับ

หากคุณอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีไฟดับบ่อย (มากกว่าสิบครั้งต่อปี) และเป็นเวลานาน (มากกว่าชั่วโมง) เครื่องปั่นไฟจะมีความจำเป็นมากกว่าเพียงแค่เพื่อความสะดวก

และเมื่อคุณตัดสินใจซื้อเครื่องปั่นไฟแล้วขั้นตอนต่อไปคือการเลือกเครื่องปั่นไฟขนาดที่เหมาะสม

การเลือกเครื่องปั่นไฟ

เครื่องปั่นไฟมีหลายขนาด และมีทั้งแบบทำงานด้วยก๊าซธรรมชาติหรือโพรเพน (LP) และความเข้าใจผิดทั่วไปคือการเลือกขนาดที่ใหญ่ที่สุดที่จะจ่ายไฟให้กับบ้านทั้งหลัง แต่นั่นก็เป็นทางเลือกหนึ่ง แต่วิธีการที่เหมาะสมและประหยัดกว่าคือการซื้อเครื่องปั่นไฟที่มีขนาดเหมาะสมกับการจ่ายไฟให้กับวงจรไฟฟ้าที่จำเป็นที่สุดในบ้านเช่นเครื่องใช้ในครัว ปั๊มน้ำ เครื่องทำน้ำอุ่น และระบบรักษาความปลอดภัย

ขนาดของตัวบ้านเป็นเพียงเกณฑ์เล็ก ๆ ในการเลือกเครื่องปั่นไฟ แต่ประเด็นหลักของการเลือกขนาดของเครื่องปั่นไฟคือความซับซ้อนของระบบไฟฟ้าภายในบ้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการใช้เครื่องปรับอากาศ ดังนั้นการปรับขนาดเครื่องปั่นไฟจึงไม่ง่ายอย่างที่จะพูดว่า“ ถ้าบ้านของคุณมีพื้นที่มากขนาดนี้ คุณก็ต้องได้เครื่องปั่นไฟขนาดนี้” เพราะมันซับซ้อนกว่านั้นดั้งนั้นช่างไฟฟ้าที่มีประสบการณ์จะคำนวณโหลดไฟฟ้าที่คาดว่าจะใช้เพียงพอต่อการใช้งานภายในบ้านของคุณและแนะนำเครื่องปั่นไฟขนาดที่เหมาะสม แต่ทั้งนี้คุณอาจจะใช้หลักเกณฑ์ในการเลือกซื้อเครื่องปั่นไฟด้วยตัวเองได้ที่ลิ้งนี้

ขนาดเครื่องปั่นไฟ

เครื่องปั่นไฟมีขนาดเป็นกิโลวัตต์ (กิโลวัตต์) ซึ่งเป็นหน่วยกำลัง หนึ่งกิโลวัตต์เท่ากับ 1,000วัตต์ ดังนั้นเครื่องปั่นไฟ 22kW จึงให้พลังงานไฟฟ้า 22 กิโลวัตต์หรือ 22,000 วัตต์ เครื่องปั่นไฟแต่ละเครื่องจะต้องจับคู่กับสวิตช์ถ่ายโอนอัตโนมัติ (ATS) ซึ่งทำหน้าที่เป็นสมองของระบบไฟฟ้าสำรองและบอกเครื่องปั่นไฟว่าจะเปิดและปิดเมื่อใด โดยช่างไฟฟ้าจะให้คำแนะนำ แต่โดยทั่วไปถ้าเครื่องปั่นไฟเชื่อมต่อกับแผงเบรกเกอร์ 200 แอมป์จำเป็นต้องใช้ ATS 200 แอมป์

ในที่สุดขนาดเครื่องปั่นไฟจะขึ้นอยู่กับจำนวนวัตต์ที่ทำงานทั้งหมดและเริ่มต้น KVA ของวงจรเครื่องใช้และระบบกลไกทั้งหมดที่เชื่อมต่อกับเครื่องปั่นไฟ KVA คือ กิโลโวลต์(1,000โวลต์) – แอมป์ โวลต์คือแรงดันไฟฟ้าแอมป์คือกระแสไฟฟ้า สำหรับเครื่องปั่นไฟเราต้องคำนวณตัวเลขทั้งสองนี้: วัตต์ที่ทำงานแสดงถึงกำลังไฟฟ้าที่มอเตอร์ไฟฟ้าใช้ในขณะที่ทำงานตามปกติและต้องใช้ KVA ในการสตาร์ทเนื่องจากทุกครั้งที่มอเตอร์ไฟฟ้าเริ่มทำงานจะมีไฟกระชากเพิ่มเติมที่เครื่องปั่นไฟต้องสามารถรองรับได้

เสียงและการใช้งานเครื่องปั่นไฟ

เมื่อติดตั้งวงจรไฟฟ้าและเครื่องปั่นไฟแล้วช่างไฟฟ้าจะเพิ่มวัตต์ที่ทำงานทั้งหมดและเริ่ม KVA เพื่อแสดงภาระไฟฟ้าทั้งหมดในระบบทั้งหมด ณ จุดนั้นเครื่องปั่นไฟหากใช้ขนาดที่เหมาะสมสามารถปรับค่าได้ และแต่ละเมืองมักจะมีข้อบัญญัติเรื่องการจำกัดการใช้เสียง การติดตั้งเครื่องปั่นไฟถูกจำกัดความดังไม่เกิน 62 เดซิเบล โดยวัดห่างจากตัวเครื่อง 7.5 เมตร

เครื่องปั่นไฟเสียงนั้นเป็นอย่างไร? ลองนึกภาพเพื่อนบ้านที่ขับรถ Harley ซึ่งทนได้หากอยู่ในสภาพแวดล้อมชนบท แต่เป็นเรื่องยากหากต้องใช้ในเมืองที่คับแคบ นอกจากนี้ กฎหมายอาคารส่วนใหญ่กำหนดให้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าต้องอยู่ห่างจากตัวบ้านอย่างน้อย 5 ฟุตและห่างจากวัสดุไวไฟ 5 ฟุตทำให้การติดตั้งในเมืองเป็นเรื่องยุ่งยาก และการวางถังเชื้อเพลิงใกล้ตัวอาคารเป็นข้อห้ามโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่จอดรถและโรงเรียน

นอกจากนี้เครื่องปั่นไฟยังต้องการ TLC เช่นเดียวกับเครื่องจักรที่ซับซ้อน เช่นเดียวกับรถยนต์ เครื่องปั่นไฟจะทำงานไม่หยุดเป็นเวลาหลายชั่วโมงดังนั้นจึงต้องได้รับการดูแลรักษาเหมือนรถยนต์ โดยทั่วไปยิ่งขนาดใหญ่ยิ่งต้องการการดูแลมากกว่า

“หลังจากใช้งานต่อเนื่องเป็นเวลา 24 ถึง 48 ชั่วโมงให้ตรวจเช็คสภาพ”

“หลังจากผ่านไปประมาณ 10 วันให้ทำการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรอง”

เครื่องปั่นไฟของคุณจะมีสุขภาพดีตลอดอายุการใช้งานหากคุณตรวจสอบน้ำมันเครื่องทุกวัน ระหว่างการใช้งานให้ใช้งานได้ไม่เกิน 75 เปอร์เซ็นต์ของความสามารถของเครื่อง เพื่อลดการที่เครื่องยนต์ทำงานหนักเกินไป หากมอเตอร์เสียรูปทรง ควรหลีกเลี่ยงการการใช้งานหรือหยุดทำงานทุกครั้งที่ทำได้

การพิจารณาราคาเครื่องปั่นไฟ

มีหลายปัจจัยที่ใช้ในการกำหนดต้นทุนขั้นสุดท้ายของเครื่องปั่นไฟซึ่งทำให้การระบุราคาที่แน่นอนเป็นเรื่องยาก อย่างไรก็ตามโดยทั่วไปคือค่าติดตั้งขั้นมักจะมีราคาสูงมากกว่า 1 เท่าตัวของราคาเครื่องปั่นไฟ นอกจากนี้มีระบบปฏิบัติการพื้นฐานของเครื่องยนต์ยังถูกแบ่งออกเป็น 2 ระบบ: ระบบระบายความร้อนด้วยอากาศและระบายความร้อนด้วยของเหลว เครื่องปั่นไฟรุ่นระบายความร้อนด้วยอากาศมีขนาดเล็กและมีราคาถูก แต่ก็ดังกว่ารุ่นระบายความร้อนด้วยของเหลวด้วย ทั่วไปแล้วเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่ระบายความร้อนด้วยของเหลวจะมีขนาดใหญ่ ศึกษา วิธีเลือกเครื่องปั่นไฟให้ตรงกับการใช้งานของคุณ

โดยทั่วไปแล้วเครื่องปั่นไฟขนาด 10 กิโลวัตต์เหมาะสำหรับบ้านที่มีขนาด 100 ตารางวาหรือเล็กกว่า โดยเฉพาะบ้านมีการติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่น ซึ่งทั้งหมดนี้ใช้ไฟฟ้าน้อยมากเครื่องปั่นไฟระบายความร้อนด้วยอากาศขนาด 10 กิโลวัตต์มีราคาอยู่ระหว่าง 50,000-100,000 บาท ดังนั้นราคารวมติดตั้งจะอยู่ที่ประมาณ 100,000+ บาท

ไม่ว่าคุณจะเลือกเครื่องปั่นไฟขนาดหรือประเภทใดก็ตามการลงทุนนี้เป็นการลงทุนที่สำคัญ แต่ก็เป็นสิ่งที่เจ้าของบ้านหลายคนเต็มใจที่จะทำเพื่อให้บ้านและครอบครัวปลอดภัยและสะดวกสบายในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุด