เปิดธุรกิจคาแคร์ ซื้อเครื่องมือคาแคร์ ล้างรถ อย่างไร?

0

มารู้จักธุรกิจ คาร์แคร์ ล้างรถที่ครบวงจร

ความหมายของคําว่า “ธุรกิจคาร์แคร์” คือธุรกิจการดูแล รักษารถยนต์ ในปัจจุบันนี้อาจแบ่งย่อยเป็น 2 ประเภทคือ

  1. คาร์แคร์ทางด้านเครื่องยนต์ เช่น การเปลี่ยนน้ํามันเครื่อง และ การซ่อมเครื่องที่ไม่ยุ่งยาก โดยใช้ช่างที่ชํานาญงานในการให้บริการประมาณ 2-3 คนก็สามารถทําได้
  2. คาร์แคร์ทางด้านสีรถ หรือเฟอร์นิเจอร์ในตัวรถ เช่น เบาะ ” ที่นั่ง คอนโซล และพรมก็ใช้ช่างที่ชํานาญเช่นกัน แต่จะเพิ่มพนักงานในส่วนล้างเข้ามาด้วย

“ธุรกิจ ล้างรถ คาร์แคร์  ” เป็นอย่างไร?

คาร์แคร์ทางด้านเครื่องยนต์

ในที่นี้จะพูดถึงธุรกิจคาร์แคร์ที่ดูแลสภาพสีรถและบํารุง รักษาเบาะที่นั่ง ซึ่งอาจจะแบ่งได้เป็น 3 ระดับในปัจจุบันนี้

คาร์แคร์ ระดับเอ A

แบบที่เรียกว่าศูนย์ดีเทลลิ่ง (Detailing Center) ปัจจุบัน ด้วยวิทยาการที่ก้าวหน้า แทนที่จะเคลือบสีธรรมดา ก็กลับเป็นวิธีการที่เรียก ว่า Glass Coating (เคลือบแก้ว หรือเคลือบเพชร เป็นต้น) ซึ่งให้บริการกับ ลูกค้าในระดับกลุ่มบนนั่นเอง เพราะราคาค่าบริการนั้นจะสูงมากเป็นหลัก หลายหมื่นบาท รวมถึงการให้บริการแบบฟื้นฟูสภาพรถแบบครบวงจร อาจ พบเห็นกันมากในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดระดับจังหวัดใหญ่ๆ

คาร์แคร์ ระดับบี B

ล้างรถ + เคลือบสีแบบขั้นตอนเดียว มีจํานวนมาก บริการ ในพื้นที่หมู่บ้านใกล้เคียง

คาร์แคร์ ระดับซี C

มีลักษณะเป็นเพิง เน้นล้างรถครั้งละ 100 กว่าบาท ส่วน ใหญ่อยู่ตามปั้มน้ํามันหรือทั่วไป ซึ่งปัจจุบันในบ้านเราร้านที่เปิดให้บริการ แบบนี้มีมากกว่า 20,000 ร้าน หมุนเวียนกันเปิดและปิดตัวกันไปทั่วประเทศ

คาร์แคร์ทางด้านเครื่องยนต์

ล้างรถ

ธุรกิจ คาร์แคร์ ล้างรถ ในอนาคตว่าควรจะเป็นไป ในทิศทางไหน?

โดยภาพรวมแล้ว ธุรกิจคาร์แคร์มีแต่จะเจริญเติบโต ขึ้นแน่นอน ตามประชากรที่มีแต่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ การเป็นเจ้าของรถในวันนี้ ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากหรือใหญ่โตอะไร และวิธีการดูแลสีและรักษารถก็จะมี เทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาให้เลือกในระดับราคาและคุณภาพที่แตกต่างกันไป ศูนย์ในระดับเอจะให้ผลตอบแทนกําไรเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง หากศักยภาพ ในหลายด้านเพียงพอ ควรจะปรับธุรกิจให้อยู่ในระดับเอครับ

คําแนะนําเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจคาร์แคร์ ในอนาคตให้ประสบผลสําเร็จ

ธุรกิจนี้ต้องมีหัวใจในการให้บริการที่ประทับใจแก่ลูกค้า เพราะคุณภาพสินค้าที่ใช้บนตัวรถส่วนใหญ่ใกล้เคียงกัน มีแต่มาตราฐาน บริการเท่านั้นที่จะทําให้ศูนย์แห่งหนึ่งแตกต่างไปจากศูนย์อื่นๆ การบริการที่ดีเท่านั้น ที่จะเพิ่มหรือรักษาจํานวนฐานลูกค้าให้คงอยู่ได้ ดังนั้นก็ขอฝาก สําหรับผู้ประกอบการรายใหม่ๆ ที่จะทําว่า จะต้องมีความรักในด้านบริการ เป็นอย่างสูง รวมถึงมีจิตใจที่รักเกี่ยวกับรถยนต์ รวมถึงประสบการณ์ความรู้ ในการให้บริการแด่รถของลูกค้าประหนึ่งว่าเป็นรถของเราเอง บทความนี้จะให้แนวทางได้อย่างแน่นอน

ภาพลักษณ์ของโครงสร้างอาคารมรการล้างรถนั้น เป็นจุดที่ทําให้ลูกค้ามีความเชื่อมั่น ตัวของทุนบริการด้วยเช่นกัน เพราะมีความน่าเชื่อถือในการเข้ามารับบริการและการบริการที่เพียบพร้อมในส่วนของการให้บริการและความสะดวกสบายต่อลูกค้า ดังนั้นผู้ประกอบการในระดับบริการครบวงจรควรคำนึงถึงจุดนี้ให้ดี

คาร์แคร์ทางด้านเครื่องยนต์

คาร์แคร์ทางด้านเครื่องยนต์

ในกรณีที่ผู้ประกอบการต้องการเปิดบริการคาร์แคร์แบบการชะล้างเท่านั้น

สําหรับการลงทุนคาร์แคร์ ในรูปแบบการชะล้างอย่างเดียวนั้นลงทุนไม่มาก ใช้อุปกรณ์เครื่องมือหลักแค่ 4 รายการเท่านั้น และอุปกรณ์ย่อยต่างๆ ดังนี้

  1. ปั้มลมขนาด 260 ลิตร ใช้สำหรับเป่าลมและเติมลมหรือเป่ากรองสิ่งสกปรกในรถ สามารถเช็คราคา ปั้มลม เพิ่มเติมได้ที่ itoolmart
  2. ถังพ่นโฟมขนาด 60 ลิตร ใช้สำหรับพ่นโฟมหรือน้ำยาล้างรถ
  3. เครื่องฉีดน้ําแรงดันสูง 120 บาร์ขึ้นไป ใช้สำหรับฉีดล้างน้ำ สามารถเช็คราคา เครื่องฉีดน้ําแรงดันสูง เพิ่มเติมได้ที่นี่
  4. เครื่องดูดฝุ่น ขนาด 3 มอเตอร์ ใช้สำหรับดูดฝุ่น และสิ่งสกปรกภายในรถ

หรืออาจซื้อเป็นอุปกรณ์ ล้างรถ พร้อมเปิดคาแคร์ได้เลย

คาร์แคร์ทางด้านเครื่องยนต์

อุปกรณ์สิ้นเปลืองในการล้างรถอื่นๆ

  1. แปรงขัดล้อ
  2. ฟองน้ำล้างรถ
  3. แชมพูล้างรถ

รวมราคาแล้ว ไม่เกิน 50,000 บาท สามารถดูได้ที่นี่


หน้าตาของร้าน คาแคร์ล้างรถ

คาร์แคร์ทางด้านเครื่องยนต์

ในการทำธุรกิจคาแคร์ นั้น อาคารเป็นส่วนสำคัญอย่างหนึ่งทั้งนี้วัสดุอุปกรณ์ ที่จะนํามาใช้ในโครงสร้างคาแคร์ต้องได้มาตรฐาน เนื้อ งานต้องออกมาตามแบบที่กําหนดตามสัดส่วน ถ้าช่างทําผิดแบบแล้วจะ เสียเวลาในการแก้ไขและสิ้นเปลืองงบประมาณมากขึ้นดังนั้นท่านผู้ประกอบการควรหมั่นตรวจสอบแบบงานและเนื้องาน อยู่เสมอ เพราะการออกแบบโครงสร้างแต่ละที่จะไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับ การดีไซน์แบบและผู้ประกอบการทั้งสิ้นรวม

รายได้จากการขายการบริการคาแคร์และล้างรถ ต่อเดือน 96,000 บาท (ประมาณการ)

รายจ่าย 

  1. ค่าเช่าที่ 15,000 บาทต่อเดือน (อาจมากหรือน้อยกว่านี้ ขึ้นอยู่กับพื้นที่นั้นๆ) 
  2. ค่าเคมี 7,200 บาทต่อเดือน (เคมีต่อคัน 12 บาท x 600 คัน/เดือน) 
  3. ค่าน้ํา 3,000 บาทต่อเดือน (เฉลี่ยต่อคัน 5 บาท x 600 คัน/เดือน) 
  4. ค่าไฟฟ้า 3,000 บาทต่อเดือน (เฉลี่ยต่อคัน 5 บาท x 600 คัน/เดือน)
  5. ค่าพนักงาน 45,000 บาทต่อเดือน (พนักงาน 5 คน X 300/วัน/คน)
  6. อื่นๆ 3,000 บาทต่อเดือน (หนังสือพิมพ์ นิตยสาร วารสาร น้ำดื่มฯลฯ) 

รวมค่าใช้จ่าย 76,000 บาท / เดือน เมื่อหักแล้ว ธุรกิจคาแคร์ ล้างรถ จะมีเงินคงเหลือประมาณ 20,000 บาท/เดือน


การให้บริการ ล้างรถ ที่ครบวงจรมีองค์ประกอบหลายๆ อย่างที่ผู้ประกอบ การควรทราบ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่โครงสร้างอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมไป ถึงความรู้ความสามารถในธุรกิจนี้ในบางกรณี พื้นที่บางแห่งก็เป็นเรื่องยากในการออกแบบให้เป็น แนวเดียวกัน เพราะพื้นที่ไม่ได้เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส บางแห่งเป็นแบบทรง หยดน้ํา หรือบางแห่งเป็นแบบทรงว่าวจุฬา ก็เป็นเรื่องที่ยากต่อการออกแบบ เช่นกัน แต่ข้อที่จะแก้ไขให้ลูกค้าที่ผ่านไปผ่านมาได้รู้เลยว่าที่นี่คืออะไร คือการเอาจุดล้างโชว์ไว้ด้านหน้านั่นเอง!!

คาร์แคร์ทางด้านเครื่องยนต์

ปัจจัยในการวางตำแหน่งของพื้นที่ จุดบริการคาแคร์และล้างรถ

  1. ความกว้างและความลึกของพื้นที่ 
  2. สิ่งแวดล้อมแปรผัน เช่น หน้าถนน ตึก ต้นไม้ หรือเสาไฟ 
  3. จุดยุทธศาสตร์การวางฮวงจุ้ย 
  4. ความโดดเด่นของพื้นที่
  5. การดัดแปลงจากโครงสร้างเดิม เช่น ร้านอาหาร หรือเต้นท์รถ เป็นต้น
  6. ความต้องการของผู้ประกอบการ

ดังนั้นก่อนที่ท่านผู้ประกอบการจะดําเนินการเช่าหรือซื้อที่ดินเพื่อทําธุรกิจนี้ ควรไตร่ตรองถึงจุดประสงค์ของท่านก่อนว่า ต้องการเปิดแบบไหน ให้บริการอย่างไร พื้นที่ได้เอื้ออํานวยกับโครงสร้างหรือไม่ หรือถ้าได้ที่ดิน ตามดังที่กล่าวมาแล้วนั้น ก็ต้องมาดูว่าทําเลของที่เหมาะสมกับธุรกิจนี้ด้วย หรือไม่ ซึ่งองค์ประกอบนั้นค่อนางเยอะ ไม่ว่าจะทางด้านสาธารณสุข และ การระบายน้ําหรือระบบไฟฟ้าสอดคล้องกันหรือไม่


โครงสร้างธุรกิจคาร์แคร์ที่ทันสมัยในปัจจุบัน 

เนื้อหาในบทนี้จะให้ผู้ประกอบการใหม่ทุกท่านได้เข้าใจเกี่ยวกับ โครงสร้างของธุรกิจนี้ว่า มีการวางแบบและวางระบบอะไรบ้าง และภาพลักษณ์ของศูนย์บริการในรูปแบบที่ครบวงจรที่ทันสมัยในปัจจุบันควรใช้เนื้อที่ เท่าใหร่จึงจะเพียงพอ และสามารถรองรับรถยนต์ที่จะเข้ามารับบริการต่อ วันหรือไม่ เราจะมาเรียนรู้ในบทนี้โดยละเอียด

สําหรับการให้บริการแบบครบวงจร ต้องคํานึงถึงโครงสร้างจุดต่างๆที่ต้องมีดังนี้

  1. พื้นที่รับรถก่อนเข้ารับบริการ 
  2. ห้องรับรอง (ห้องพักลูกค้า-ห้องน้ำ) 
  3. ห้องเก็บอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ (1 ห้อง ขนาด 2 x 4 เมตร) 
  4. พื้นที่ล้างสี (1 ช่องล้างสี ขนาด 4 x 8 เมตร) 
  5. พื้นที่อัดฉีด (1 ช่องล้างสี ขนาด 4 x 8 เมตร) 
  6. พื้นที่สําหรับเช็ดแห้ง-ดูดฝุ่น (4 ช่องเช็ด ขนาด 4 x 8 เมตร) 
  7. พื้นที่ฟื้นฟูสภาพ (1 ช่อง ขนาด 4 x 8 เมตร) 
  8. ห้องพักพนักงาน

เราจะจำลอง พื้นที่หน้ากว้าง 20 เมตร ลึก 43.5 เมตร รวมพื้นที่ 870 ตารางเมตร สัดส่วน โดยประกอบด้วย

  1. ช่องล้าง 2 ช่อง 
  2. ช่องเช็ดแห้ง 4 ช่อง 
  3. ห้องฟื้นฟู 1 ช่อง 
  4. ห้องเครื่อง 1 ห้อง 
  5. ห้องรับรอง 1 ห้อง 
  6. สํานักงาน 1 ห้อง 
  7. ห้องน้ำ 2 ห้อง
  8. รอล้าง-รอส่ง 3 ช่อง

สําหรับท่านที่กําลังคิดจะทําธุรกิจนี้และกําลังมองหาพื้นที่ เบื้องต้น ต้องคํานึงถึงขนาดพื้นที่ให้ดี ดูหน้ากว้างและแนวลึกเป็นหลัก เพราะขนาด หน้ากว้างแต่และช่องนั้นจะกว้าง 4 เมตร สําหรับการวางจุดต่างๆ แต่ละที่ ก็จะไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม บางที่อาจจะเอาจุดชะล้างโชว์ บางที่อาจจะเอาห้องฟื้นฟูโชว์ อยู่ในทิศทางการมองเห็นของลูกค้า เมื่อ ลูกค้าขับรถผ่านแล้วจะเห็นอะไรก่อน เพราะพื้นที่บางแห่งอาจจะมีสิ่งแวด ล้อมอื่นๆ บังอยู่หน้าศูนย์ก็เป็นได้ เช่น ตึก ต้นไม้ หรือเสาไฟฟ้า เป็นต้น

ระบบบําบัด ระบบเครื่องฉีด ระบบลม และระบบไฟฟ้าสําคัญมาก ก่อนลงมือสร้างท่านผู้ประกอบการควรคํานึงถึงการวางจุดต่างๆ เหล่านี้ให้ ละเอียด 

About author

sirot itoolmart

"Sirotmusic คือผู้ก่อตั้ง Tooltalking และเป็นคนที่หลงไหลเครื่องมือและชอบทำสิ่งใหม่ๆตลอดเวลา"

Your email address will not be published. Required fields are marked *